RSS

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

all about me

ติดต่อได้ที่

From รูปภาพ Blogger

คติประจำใจ

From รูปภาพ Blogger

ประวัติการศึกษา

From รูปภาพ Blogger

งานอดิเรก

From รูปภาพ Blogger

ประวัติส่วนตัว

From รูปภาพ Blogger

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

E-comerce

การค้าขายเชิงพาณิชย์ เป็นการตกลงแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ ซึ่งมีกลไกหรือสถานที่ที่สามารถมีการค้าขายที่แน่นอนตายตัว โดยรูปแบบเริ่มต้นของการค้าขายคือ การยื่นหมูยื่นแมว ซึ่งหมายถึงการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการโดยตรงระหว่างผู้ค้า แต่ปัจจุบันนี้ผู้ค้าสมัยใหม่ใช้การเจรจาต่อรองด้วยสิ่งแลกเปลี่ยน ซึ่งนั่นก็คือเงินตรา

E-commerce หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นคำศัพท์ที่ดูจะไม่ใช่ของใหม่ในสังคมหรือในแวดวงการค้าขาย การรับรู้เกี่ยวกับรายละเอียดและวิธีการของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่างหากที่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ผู้ประกอบการรวมถึงผู้บริโภคในส่วนต่างๆ ของสังคมอาจยังเข้าใจไม่ตรงกัน หรือเข้าใจกันไปถึงประสิทธิภาพของอีคอมเมิร์ซคลาดเคลื่อน แตกต่างกันออกไป พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มได้ยินกันบ่อยมากขึ้นทุกวันนี้ หมายถึงการดำเนินกิจการทางพาณิชยกรรมที่ใช้เครื่องมือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วย โดยส่วนมากเราเข้าใจว่าเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตมาเป็นจุดเชื่อมการดำเนินธุรกิจให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นแต่จริงๆ แล้ว พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีมานานมากแล้ว เราคงจะไม่ลืมว่าเรามีบัตร ATM ใช้กันมานานมากก่อนอินเทอร์เน็ตจะแพร่หลาย เครื่องโทรศัพท์ หรือเครื่องโทรสารก็นับได้ว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เหมือนกัน และแน่นอนว่าเครื่องหักเงินบัตรเครดิตที่มีทั้งในห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหารต่างๆ ก็เป็นเครื่องมือในพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น



1. What is the difference between commerce and electronic commerce? Why is electronic commerce important?

Commerce

พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในวันนี้พุ่งเป้าไปที่อินเทอร์เน็ต เพราะว่าเป็นเครื่องมือชิ้นล่าสุดของระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และคงปฏิเสธไม่ได้ครับว่าทุกวันนี้ไม่มีสื่อใดๆ ที่มีพลังและอนาคตเท่าสื่ออินเทอร์เน็ตเพราะบริการบนอินเทอร์เน็ตมีหลายหลายมากไม่ว่า อีเมล์, เว็บไซต์หรือแม้แต่เทคโนโลยีลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาท เพิ่มมากขึ้นในการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ตให้มีความรัดกุมเพิ่มขึ้นในไม่ช้า

ทุกวันนี้คุณไม่จำเป็นต้องกังวลในความยุ่งยากในการจัดทำเว็บไซต์อีกแล้ว เพราะมีบริษัทที่รับทำเว็บไซต์ให้มากมายและราคาก็ไม่แพงอีกต่อไปแล้วครับ เนื่องจากภาวะการแข่งขันกันทำตลาดมากขึ้นทุกวันซึ่งเว็บไซต์ของคุณจะสวยงามเพียงไหน หรือหากมีการหักเงินผ่านบัตรเครดิตด้วยคุณต้องไปติดต่อกับธนาคารที่คุณจะใช้บริการด้วยครับโดยทางธนาคารจะคอยช่วยเหลือคุณถึงวิธีการที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถทำธุรกรรมหักบัญชีผ่านบัตรเครดิตได้เป็นอย่างดี



พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คืออะไร

E-commerce หรือเรียกกันทั่วไปว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือการทำธุรกรรมหรือธุรกิจ ที่ผ่านช่องอิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทาง เช่น อินเทอร์เน็ต, โทรศัพท์, วิทยุ, โทรทัศน์, แฟกซ์ เป็นต้น ทั้งในรูปแบบ ข้อความ เสียง และภาพ รวมถึงการขายสินค้าและบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อหาข้อมูลแบบดิจิตอล ถือว่าเป็น E-Commerce ทั้งนั้น ดังนั้นการซื้อขายในรูปแบบ E-Commerce เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่คำว่า E-Commerce เพิ่งมาเป็นที่รู้จักและยอมรับกัน หลังจากมีการค้าขายผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

E-Commerce ในปัจจุบันเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต กับการจำหน่ายสินค้าและบริการโดยสามารถนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้าหรือบริการผ่านทาง อินเทอร์เน็ต สู่คนทั่วโลกภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้การดำเนินการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดรายได้ในระยะเวลาอันสั้น




2. Defince e-business. Is there a difference between e-business and e-commerce?
ทั้ง E-Business และ E- Commerce เป็นรูปแบบการทำการตลาดในรูปแบบหนึ่งโดยใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือดิจิตอลเข้ามาช่วยในการทำการตลาด แต่ในความหมายสำหรับ E-Business หรือ Electronic Business นั้นจะมีความหมายที่ใกล้เคียงกับคำว่า E-Commerce หรือ Electronic Commerce มาก เพียงแต่ว่าความหมายของ E-Business จะมีขอบเขตที่กว้างกว่า โดยหมายถึงการทำกิจกรรมในทุก ๆ ขั้นตอนของกระบวนการธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือเรียกว่า “ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์” ทั้ง การทำการค้าการซื้อการขาย การติดต่อประสานงาน งานธุรการต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในสำนักงาน และการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นกระบวนการในการดำเนินการทางธุรกิจที่อาศัยระบบสารสนเทศทาง คอมพิวเตอร์มาใช้ในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (Added Value) ตลอดกิจกรรมทางธุรกิจ (Value Chain) และลดขั้นตอนของการที่ต้องอาศัยแรงงานคน (Manual Process) มาใช้แรงงานจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Computerized Process)แทน รวมถึงช่วยให้การดำเนินงานภายใน ภายนอก มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้ามากขึ้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่นการควบคุมสต๊อคและการชำระเงินให้เป็นระบบอัตโนมัติ ดำเนินการได้รวดเร็ว และทำได้ง่าย ลักษณะการนำ E-Business มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้แก่

* การเชื่อมต่อระหว่างกัน ภายในองค์กร (Intranet)
* การเชื่อมต่อระหว่างกัน กับภายนอกองค์กร (Extranet)
* การเชื่อมต่อระหว่างกัน กับลูกค้าทั่วโลก (Internet)

ในขณะที่ E-Commerce หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะหมายถึง การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทางที่เป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เน้นที่การ “ขาย” เป็นหลักตัวอย่างเช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์, ทางโทรทัศน์, ทางวิทยุ, หรือแม้แต่ทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยทำการลดบทบาทของความสำคัญขององค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้าเป็นต้น ดังนั้นจึงลดข้อจำกัดของระยะทางและเวลาในการทำธุรกรรมลงได้ ในบางครั้งมีการตีความหมายของคำว่า E-Commerce กับคำว่า E-Business เป็นคำเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคำว่า E-Commerce ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำว่า E-Business โดยคำว่า E-Business จะเป็นคำที่มีความหมายที่กว้างกว่าคำว่า E-Commerce นั่นเอง

ที่มา

www.pawoot.com